วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2555

สวัสดีปี 4 เทอม 2 เทอมสุดท้ายของป.ตรี

สวัสดีครับ.. ห่างหายไปเกือบเดือนเลยทีเดียว ที่ผ่านมา  1 เดือน มีหลายเรื่องเกิดขึ้นมากมายเชียวครับ อยากเล่าให้ฟัง อาจจะเป็นบล็อกที่ยาวๆๆ ซึ่งนานๆ ทีไม่ค่อยเขียนเท่าไร


เรื่องแรก.. Project ของผม

หลังจากผลัดไปผลัดมาจนหมดภาคเรียนที่ 1 ผมก็ได้เริ่มเลี้ยงปลาซะที เริ่มในวันที่ 9 ตุลา หลังจากปิดเทอมไป 4-5 วัน ประกอบกับช่วงนั้นเป็นค่ายโอลิมปิกวิชาการด้วย อ.ละเอียด ที่ปรึกษาโปรเจคผม กำลังมีปัญหาคือไม่มีเด็กไปช่วยทำค่าย ผมเลยว่า ไหนๆก็อยู่ ม. เพื่อทำโปรเจคแล้วก็ทำค่ายช่วยอาจารย์ไปด้วยละกัน ได้วันละ 120 แน่ะ ผมฟาดไป 6 วันก็ 120 x 6 = 720 บาท อิอิ

พอได้เริ่มเลี้ยงปลาผมถึงรู้ว่าการทำวิจัยมันไม่ใช่อะไรง่ายๆจริงๆนะคุณ ถึงแม้จะรู้ว่าควรเริ่มทำให้เร็วกว่านี้ แต่มันก็มักจะมีอะไรหลายๆ อย่างมาทำให้ต้องสะดุดตลอด เลยไม่ได้เริ่มทำสักที และจากตอนแรกที่ตั้งใจว่าจะวัดฮอร์โมนของปลาร่วมกับการทำ histo ดูเนื้อเยื่อทางเดินอาหารด้วย ก็เลยตัดว้ดฮอร์โมนไปเอาแค่ดู histo ก็พอล่ะครับ

จนถึงวันนี้ ก็ถือว่าก้าวหน้าไปได้พอสมควรครับ.. แต่ปัญหาคือเครื่อง Automatic Tissue Processor เครื่องละ 3 แสนบาท มันดันเจ๊งเมื่อเทอมที่แล้วซะนี่.. ผมเลยเริ่มคิดหนักแล้วว่าจะทำยังไงดีน้ออ จิงๆ ทำมือก็ได้ครับ แต่มันต้องละเอียดอ่อนและตั้งใจมากพอสมควรเลยทีเดียว

การทำวิจัยมีปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นมากมายครับ เพียงแต่เราต้องค่อยๆ แก้ไปเรื่อยๆ ผมเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าในภายภาคหน้า จะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นมาให้ผมต้องแก้อีกเหมือนกัน


เรื่องที่สอง.. ค่ายโอลิมปิกวิชาการ

ผมได้มีโอกาสคุมค่ายโอลิมปิกในช่วงปิดเทอม 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มันทำให้ผมเริ่มทบทวนตัวเองเกี่ยวกับความรู้ตลอด 4 ปีที่ผ่านมาว่า  ผมเก็บอะไรไปได้บ้าง เพราะเรื่องที่น้องๆโอลิมปิกเรียนมันก็เป็นเรื่องที่ผมเรียนมาแล้วทั้งนั้น แต่ทำไมผมถึงตอบคำถามน้องไม่ได้เคลียร์สักที จนบางทีน้องอาจจะรุ้สึกว่าผมไม่แน่จริงก็ได้มั้งครับ = =''

แต่สิ่งหนึ่งที่ผมได้คือ ผมรู้ตัวเองล่ะว่า ความรู้ที่ผมมียังอ่อนมากครับ ผมจึงเริ่มใช้เวลาที่ว่างนี้ หยิบตำราเรียน ชีทเรียน สมุดโน้ต Invertebrate ที่ทิ้งมันไปตั้งแต่ตอนปี 2 ผมก็ยังปัดฝุ่นมันขึ้นมาอ่าน Vertebrate ที่ผมมั่นใจว่าเป๊ะนักหนา ผมยังต้องทบทวนใหม่อีกครั้ง Animal Physiology ที่เพิ่งผ่านไปเมื่อตอนต้นปี ก็เป็นสิ่งที่ผมต้องหยิบขึ้นมาทวนเช่นกัน

ในค่ายนี้ผมได้รู้จักน้อง 2 คนที่ผมแอบชอบอยู่ ไม่รู้สิ ผมชอบน้องเค้าอ่ะ น่ารักดี >_<




คนทางซ้ายคือน้องเจมส์ สาธิต มข. ครับ เด็กคนนี้คุยเก่งและขี้เล่น เป็นคนที่ซักผมจนหลายๆ ทีผมตอบไม่ได้เหมือนกัน.. น้องทำให้ผมรู้ว่าความรู้ผมมันปูๆปลาๆสิ้นดี เลยต้องกลับมาทบทวนตัวเอง

คนทางขวาคือ น้องเบนซ์ เด็กขอนแก่นวิทยายน ครับ วันแรกที่เห็นเจ้าเบนซ์คือไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไร เพราะมันแต่งตัวไม่เรียบร้อย ใส่แตะมาเรียนอีก เจาะหูอีกตะหาก First impression ไม่ปลื้มอย่างแรง 55+ แต่พอผ่านไปก็รู้ว่า เออ.. มันก็น่ารักดีนะ

ไม่รุ้สิ ถ้าเทียบกับเจ้าเจมส์แล้ว ผมชอบเจ้าเจมส์มากกว่า แต่ที่ 2 คนนี้มีเหมือนกันคือมันก็กวนได้ใจ ผมชอบเล่นกับ 2 คนนี้ล่ะ คิคิ ^_^

ผมก็ว่าไปงั้นแหล่ะ 555+ >> คือผมไม่ได้คิดอะไรไปแบบที่ว่าจะต้องเอาน้องมาเป็นแฟนหรอกครับ ความรู้สึกผมแค่ปลื้มน้องทั้ง 2 คนเท่านั้นล่ะ (ก็น้องมันน่ารักดีอ่ะ.. ^o^)



เรื่องที่สาม... การมาเยือนของพี่ junior ที่ผมรัก


พี่ท้อปนั่นแหล่ะครับ.. เจ๊ใหญ่ของน้องๆ คิคิ  พี่ท้อปเป็นรุ่นพี่ที่ผมเคารพและรักมากที่สุดคนนึง ถึงแม้ว่าบางทีผมจะไม่สบอารมณ์กับพี่แกบ้างก็ตามเถอะครับ แต่อย่างนึงที่ผมชอบคือ พี่ท้อปจริงใจและไม่เสแสร้ง เป็นคนพูดอะไรตรงๆ แต่บางทีพี่แกก็ตรงเกินไป จนผมรับไม่ได้เหมือนกัน หุหุ

ส่วนนี้คือการระบายอารมณ์

พี่ท้อปถามถึง project ของผมเหมือนกัน ผมก็เล่าให้ฟังเพื่อว่าพี่ท้อปจะมีแนวทางให้ผม แต่ไปๆมาๆกลับกลายเป็นว่าจะเปลี่ยน project ผมซะยังงั้น ผมเลยรู้สึกว่าบางทีมันก็มากไปน่ะครับ และผมเองก็เป็นคนที่ไม่ชอบให้ใครมาบงการความคิดของตัวเองเท่าไร.. ผมเลยจะรับคำแนะนำบางส่วนจากพี่เขามาปรับใช้ แต่อะไรที่ผมไม่เห็นด้วย ก็จะไม่เอามาใช้ล่ะครับ

อีกอย่างคือ.. เรื่องวงในของภาคผม คือ.. ส่วนตัวผมนะ ผมเองก็รู้มาบ้างล่ะว่าในภาคผมเป็นยังไงและเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ผมเลือกที่จะเงียบไม่พูดอะไร ดีกว่าพูดไปให้ร้อนใจและเดือดร้อนตัวเองซะเปล่าๆ แต่พี่ผมคนนี้สิ กลับเล่าออกมาได้.. คือผมไม่รู้หรอกว่าอะไรนะ ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องเข้าใจผิดก็ตาม แต่ผมคิดว่ามันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อยู่ดีนั่นแหล่ะ แล้วอาจารย์หลายๆท่านที่พี่เขาพาดพิงก็เป็นอาจารย์ที่ผมเคารพรักด้วย.. ผมเลยไม่ค่อยชอบใจเท่าไร ถ้าจะได้ฟังเรื่องนี้

สำหรับผมแล้ว เรื่องในภาคจะเป็นยังไง ตอนนี้ผมไม่สนหรอก เพราะผมไม่ได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจอยู่แล้ว.. .ใครจะอยู่หรือใครจะไป ผมไม่สน ถ้าผมได้กลับมาทำงานที่นี่อีกครั้งก็ว่าไปอย่าง.. แต่เรื่องที่ผมรู้มามันก็ทำให้ผมเริ่มรู้สึกไม่ดีเหมือนกันถ้าจะต้องกลับมาทำงานที่นี่น่ะครับ

สำหรับผม.. ความถูกต้องอาจใช่ไม่ได้ในทุกการทำงาน บางทีอะไรที่ไม่ถูกเราก็ต้องปล่อยให้มันเกิดขึ้น เพราะคนที่มีอำนาจเท่านั้น ที่จะทำให้ถูกเป็นผิดหรือผิดเป็นถูกได้




เรื่องที่สี่.. น้องคนนั้น คนที่ผมรัก

ตลอด 2 สัปดาห์ที่ปิดเทอม มีหลายช่วงเหมือนกัน อาจบอกได้ว่าตลอดเวลานั่นแหล่ะ ที่ผมคิดจะยุติความคิดของผมที่มีต่อน้องไว้แค่พี่-น้องกัน แต่จนกระทั่งวันนี้ เปิดเทอมวันแรก ผมได้มาเจอน้องอีกครั้งและเราไปกินข้าวด้วยกัน (หลังจากตัดสินใจโยนหัว-ก้อย อยู่นาน ฮ่าๆ) มันทำให้ความรู้สึกของผมกลับมาอีกครั้งหนึ่ง

ผมไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับใจผมกันแน่.. หรือว่าที่เป็นอยู่นี่มันก็ดีอยู่แล้ว งั้นเหรอ???

ผมอยากบอกน้องไปสักทีว่าผมรักเค้า.. ผมไม่รู้หรอกว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง แต่ที่อยากได้คือ คนที่เข้าใจกัน คนที่สามารถเล่าอะไรให้ฟังได้ทุกเรื่อง โดยที่เรื่องนั้นจะไม่ไหลออกไปหาใคร และที่อยากได้คือ คนที่จดจำเรื่องราวของผมได้บ้าง

ผมพยายามจะลืมน้องไปหลายครั้งเหมือนกัน แต่ผมก็พบแล้วว่า.. ผมทำไม่ได้เลยครับ T^T



เฮ้ออ ที่อยากระบายก็มีแค่นี้ล่ะครับ.. พรุ่งนี้วันหยุดปิยมหาราช อาจารย์บีชวนไปทำบุญวันพรุ่งนี้ด้วยสิ จะไปให้ได้ครับ ถ้าไม่ติดอะไรจริงๆ ไม่ได้เข้าวัด ปฏิบัติธรรมมานานล่ะ เผื่อว่าจิตใจจะเลิกฟุ่งซ่านบ้าง ^_^


BioMan @ KKU 





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น