วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

อำนาจคือความอยู่รอด





มเหสีจองซุน (คิมซีซุน) : อำนาจเท่านั้นที่จะทำให้อยู่รอด

พระเจ้าซุกจง กษัตริย์ลำดับที่ 19 แห่งโชซอน ได้ทรงตรากฏหมายของราชสำนักฝ่ายในขึ้นมาในใจความที่ว่า "ห้ามแต่งตั้งสนมหรือนางในจากวังหลัง ขึ้นเป็นมเหสี หากตำแหน่งมเหสีว่างลง ให้ทำการคัดเลือกใหม่เท่านั้น" และกฏนี้ให้พระราชารุ่นต่อๆ มาถือปฏิบัติตามกัน

เหตุที่พระเจ้าซุกจงตรากฏหมายนี้ขึ้น เนื่องจากในสมัยของพระองค์ เกิดการแก่งแย่งอย่างรุนแรงระหว่างสนมวังหลังเพื่อขึ้นสู่ตำแหน่งมเหสี ซึ่งรู้จักกันอย่างกว้างขวางคือเรื่องของ สนมฮีบิน

ดังนั้นพระเจ้าซุกจงจึงต้องการตัดปัญหานี้ โดยทรงคาดหวังว่า กฏหมายฉบับนี้จะทำให้ราชสำนักฝ่ายในไม่เกิดเหตุการณ์น่ากลัวอย่างในสมัยของพระองค์อีก

แต่ช่องโหว่วของกฏหมายนี้ กลับส่งผลเสียอย่างคาดไม่ถึงเช่นกัน...

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ปีค.ศ. 1757 ตรงกับรัชสมัยพระเจ้ายองโจ (โอรสของพระเจ้าซุกจง) ปีที่ 33  มเหสีจองซองในพระเจ้ายองโจ สิ้นพระชนม์ ทำให้ตำแหน่งมเหสีว่างลง

และตามกฏที่พระเจ้าซุกจงทรงบัญญัติขึ้น ทำให้พระเจ้ายองโจ ซึ่งขณะนั้นมีพระชันษา 65  ชันษา ต้องอภิเษกกับหญิงสาวซึ่งมาจากตระกูลคิม ซึ่งกำลังกุมอำนาจของราชสำนักอยู่ในขณะนั้น หญิงสาวผู้นี้เป็นธิดาของคิมกีโจ ขุนนางผู้ทรงอิทธิพล นามว่า คิมซีซุน

ซึ่งในขณะนั้นนางมีอายุเพียง 15 ปีเท่านั้น!!!

ไม่ต้องคาดหวังว่าพระเจ้ายองโจจะทรงหลงไหลในตัวเด็กสาวอายุ 15 เหมือนจักรพรรดิถังเสียนจงที่หลงหยางกุ้ยเฟยนะครับ พระเจ้ายองโจนั้นตลอดการครองราชย์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจอย่างหนัก จนทำให้โชซอนเข้าสู่ยุคความรุ่งเรืองอย่างที่ไม่เคยมีมานาน นับเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของโชซอน

ฉะนั้นคิมซีซุนจึงถูกอภิเษกเข้ามาด้วยเหตุผลทางการเมืองล้วนๆ

เมื่อรับตำแหน่งมเหสีแล้ว พระนางทรงรู้ดีว่า วังหลวงมีแต่การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น และในขณะนั้นราชสำนักโชซอน มีการแข่งขันทางการเมืองอย่างรุนแรงระหว่างขุนนาง 2 กลุ่ม คือโซนน และ โนนน





หากพระนางไม่ทรงมีอำนาจอยู่ในมือ แน่นอนว่าอาจหลุดจากตำแหน่งมเหสีได้ในอีกไม่นานแน่นอน

ดังนั้นพระนางจึงเลือกเข้ากลุ่มกับขุนนางกลุ่มโนนน โดยมีเป้าหมายเพื่อล้มล้างขุนนางกลุ่มโซนน ซึ่งให้การสนับสนุนรัชทายาทซาโตและองค์ชายลีซาน

เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว เลยทำให้ฐานอำนาจของกลุ่มโนนนยิ่งแข็งแกร่งขึ้น เนื่องจากได้บารมีของมเหสีจองซุนมาคุ้มหัวอีกทีนึง

เป้าหมายของกลุ่มโนนนคือการกำจัดรัชทายาทซาโตและองค์ชายลีซานให่้พ้นไปจากราชสำนัก พวกเขาทำสำเร็จกับรัชทายาทซาโต (รัชทายาทซาโตถูกขังในลังไม้ 7 วันจนสิ้นพระชนม์) และคิดว่าการกำจัดองค์ชายลีซานจะง่ายตามไปด้วย

แต่่กลับไม่เป็นไปตามนั้น..

เมื่อพระเจ้ายองโจสวรรคตในวันที่ 5 มีนาคม ปี ค.ศ. 1776 องค์ชายลีซานได้ขึ้นครองราชย์ต่อเป็นพระเจ้าจองโจ ทำให้ขั้วอำนาจทางการเมืองเปลี่ยนไปอยู่ในกลุ่มโซนน

กลุ่มโนนนถูกกวาดล้างจนเกือบหมดในสมัยของพระเจ้าจองโจ แต่คนที่อยู่รอดมาได้จนสิ้นสมัยพระเจ้าจองโจก็คือ มเหสีจองซุน ซึ่งในตอนนั้น ดำรงตำแหน่ง สมเด็จพระอัยยิกาเจ้าจองซุน ด้วยตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดของราชสำนัก ทำให้พระนางไม่ถูกกวาดล้างไปพร้อมกับขุนนางกลุ่มโนนนคนอื่นๆ





จนเมื่อพระเจ้าจองโจสวรรคตกระทันหันในปี ค.ศ. 1800 พระนางจองซุนจึงกลับมามีอำนาจอีกครั้ง และเป็นการมีอำนาจแบบเต็มตัว ทรงเป็นผู้สำเร็จราชการของพระเจ้าซุนโจ (โอรสของพระเจ้าจองโจ) ทำให้อำนาจทางการเมืองอยู่ในกำมือของพระนางเป็นเวลากว่า 5 ปี

พระนางจองซุนสิ้นพระชนม์ในวันที่ 12 มกราคม ปีค.ศ. 1805 สิริรวมอายุได้ 60 ปี

1 ความคิดเห็น:

  1. นึกถึงเรื่องยอดหญิงตำนานศิลป์เลย ขอบคุณสำหรับความรู้เพิ่มเติมค่ะ :)

    ตอบลบ