วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555
Love Story
หลายคนมีนิยามความรักเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนกัน.. มันจะเปลี่ยนไปตามวุฒิภาวะที่เพิ่มขึ้นตามอายุของเรา.. ผมเองก็เช่นกัน
รักแรกของผมเกิดตอนป. 6 ความรักแบบเด็กๆ ผมว่าคงมีหลายคนล่ะที่เคยมี แต่เราไม่เคยจำรายละเอียดของมันได้หรอกครับ ก็เด็กนี่นา ไม่ประสีประสาอะไรหรอก แต่ความคิดมีอย่างเดียวสำหรับความรักตอนนั้นคือ "ทำยังไงที่จะให้เราอยู่ในสายตาของเธอคนนั้น"
ตอนนั้นผมยังชอบผู้หญิงอยู่ครับ.. รักแรกของผมเป็นผู้หญิงครับ จริงๆอย่าบอกว่ารักแรกดีกว่า รักเขาข้างเดียวมากกว่าครับ
ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นตอนม.6 เว้นไปเกือบ 6 ปีแน่ะครับ ไม่ต้องถามว่าทำไม ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คราวนี้เกิดกับผู้ชายครับ.. ใช่ครับผมเป็นเกย์ ไม่รู้หรอกว่าเป็นได้ไง ไม่ต้องถามสาเหตุครับ ถ้าทราบป่านนี้คงมียารักษาไปนานแล้ว 555+
ผมจริงจังกับรักครั้งที่ 2 ครับ จริงจังมากจนมันหลุดจากไป ผมได้เรียนรู้อย่างนึงว่ารักไม่ใช่การครอบครองหรือดื้อรั้นที่จะเอา แต่มันคือการยอมรับความจริงที่อาจทำให้เราต้องเจ็บปวด.. ทุกวันนี้คนที่ผมเคยรัก เขาเป็นน้องชายที่ผมรักที่สุด เราคุยกันได้ทุกเรื่องไม่ว่าจะเรื่องอะไร
ครั้งที่ 3 เกิดขึ้นตอนปี 1 คนที่ผมชอบเขาเป็นเพื่อนร่วมรุ่นผม เขาเรียน MED ครับ แต่ว่าเราไม่เคยที่จะมีเวลาให้กัน มันเลยทำให้ห่างไปโดยไม่รู้ตัว ทุกวันนี้ผมไม่ค่อยได้เจอเขาแล้วครับ จะเจอบ้างก็งานเลี้ยงรุ่นโรงเรียนแค่นั้นแหล่ะครับ
ครั้งที่ 4 เกิดขึ้นตอนปี 2 ผมทำกิจกรรมอย่างหนึ่งให้คณะ และผมเกิดชอบกับน้องปี 1 คนนึง (ตอนนี้น้องเขาอยู่ปี 3 แล้วครับ) แต่คราวนี้ผมให้มันเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่บุ่มบ่ามหรือรีบร้อนเหมือนครั้งก่อนๆที่ผ่านมา เราไปเที่ยวกัน กินข้าวกัน ดูหนังด้วยกันบ่อยมาก จนเพื่อนผมเองก็เริ่มแซว แต่ผมไม่ค่อยแคร์อะไร เพราะถ้าอะไรผมทำแล้ว happy ผมจะทำและอีกอย่างมันเป็นเรื่องส่วนตัวของผม
ผมตัดสินใจบอกชอบน้องเขาไปในเดือนมกราคม (เรารู้จักกันตอนเดือนพฤศจิกายนครับ) แต่ก็ไม่มีคำตอบจากน้องเขาว่า "yes" หรือ "no" ผมรอคำตอบอยู่ 1 เดือน ผมจึงตัดสินใจยุติความสัมพันธ์มันไว้แค่นั้น ผมไม่รู้หรอกว่าน้องเขาจะคิดยังไง เพราะผมเดินออกมาจากตรงนั้นเลย เหมือนปิดประตูไม่ขอรับรู้อะไรอีก ผมอาจดูเห็นแก่ตัวก็ได้นะ แต่ว่าผมไม่อยากคิดมากอีกในตอนนั้น จึงจบมันลงซะ
และ
ครั้งที่ 5.. ซึ่งยังคงเป็น present continues tense
มันเกิดขึ้นโดยที่ผมไม่ได้ตั้งใจ.. อาจเรียกว่า "รักที่เกิดจากความใกล้ชิด" ก็ได้มั้งครับ (นึกถึงเพลงสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าหัวใจ ของ ETC เข้าไว้ครับ 555+ =_='')
อยากบอกว่าเป็นแบบนั้นจริงๆครับ ผมไม่รู้ตัวว่าผมรักน้องเขาไปตั้งแต่เมื่อไร อ้อ..ลืมบอกว่าคนนี้เป็นรุ่นน้องผมครับ เรียน major เดียวกัน น้องปี 3 ครับ :P
เราสนิทกันครั้งแรกตอนออกค่ายของภาควิชาครับ ตอนนั้นผมเพิ่งอยู่ปี 2 ช่วงเดือนมีนาคม พอจบค่ายก็ไม่ค่อยได้คุยกัน.. ผมรู้แต่ว่าน้องเขาชอบเคโรโระเหมือนกันผม เราเริ่มคุยกันจริงๆก็ช่วงมิถุนา-กรกฎาครับ ไปดูหนังด้วยกัน กินข้าวด้วยกันบ่อยขึ้น ยอมรับว่าช่วงดังกล่าวผมเริ่มรู้สึกแปลกๆกับน้องขึ้นในใจแล้วแต่ผมยังไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเอง... ณ ตอนนั้น!
จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์หนึ่งขึ้น..
"I hug you in my arm, lied you down on your bed and we talked about our life. I see your eye, my body is lied on your body and i feel your heartbeat that in your chest. "
จากวันนั้น.. ผมเริ่มรู้สึกแล้วว่าหัวใจผมกำลังมีความรักอีกครั้ง
แต่ก็เกิดเรื่องขึ้นก่อน... "เราทะเลาะกันครับ"
อาจเพราะผมเข้าไปคุยไม่ถูกช่วง.. ช่วงนั้นใกล้สอบปลายภาคแล้วเหมือนน้องจะเครียดอยู่ ผมเลยโดนระเบิดอารมณ์ซะชุดใหญ่ >> ตอนนั้นเสียใจครับ ร้องไห้ไปหลายวันเลยล่ะ.. แต่สุดท้ายก็ค่อยกลับมานั่งคิดทบทวนใหม่ ผมเองก็ไม่ได้ถือโทษโกรธอะไรครับ เพราะหลายครั้งผมเองก็เคยเป็นเวลาเครียดแล้วไม่อยากคุยกับใคร
จริงๆเกิดเรื่องคราวนี้ก็ดีเหมือนกัน.. มันทำให้ผมแน่ใจในความรู้สึกของผมล่ะตอนนี้
เรามึนใส่กันอยู่ 3 เดือนครับ.. ช่วง 3 เดือนก็คุยกันอยู่ครับ แต่ประหยัดคำพูดมาก จนหลายครั้งผมเริ่มคิดที่จะตัดใจ.. แต่สุดท้ายเราก็กลับมาคุยกันเหมือนเดิมครับ..
และมีหลายครั้งที่ผมต้องโดนน้องระเบิดอารมณ์ใส่.. แต่ผมพยายามนับ 1-10 ในใจแล้วไม่เก็บมาคิดมาก จนตอนนี้ชินแล้วครับ เข้าใจล่ะว่าน้องเป็นคนแบบเนี้ยย (นิยามที่ผมมีให้นะครับ "ปากดีเป็นหนึ่ง ขี้แยโครตๆ แต่ความคิดก็เป็นผู้ใหญ่ใช่ได้")
จนถึงตอนนี้ก็ 1 ปีแล้วครับที่ได้คุยและรู้จักกัน หลายคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องปกติที่รุ่นพี่จะคุยกับรุ่นน้อง แต่ผมขอบอกตรงๆนะครับ ถ้าไม่ใช่เพื่อนแล้วผมไม่เคยเปิดใจหรือคุยกับใครง่ายๆ รุ่นน้องก็สนิทกับผมหลายคน แต่คนนี้ไม่ใช่ครับ "คนนี้เป็นคนแรกและคนเดียวที่ผมคุยด้วยอย่างเปิดเผย ทั้งเรื่องส่วนตัวจนไปถึงเรื่องความชอบส่วนตัว" และบอกตรงๆว่า ผมไม่เคยสนใจใครเป็นปีๆขนาดนี้ครับ
ถามว่าได้บอกว่า "รักหรือชอบ" ไปรึยังน่ะเหรอ... บอกตรงๆว่า "ยัง" ครับ
ผมก็ไม่รู้ว่าผมรออะไรน่ะครับ เพราะว่าผมจริงจังกับสองคำนี้มาก ถ้าพูดออกไปแล้วผมจะมีอาการที่แสดงออกมาประมานว่า "แสดงความเป็นเจ้าของ" อย่างเต็มที่ ผมกลัวว่าถ้าพูดออกไปแล้วผมคนนั้นจะแสดงออกมา ทำให้น้องเบื่อและหน่ายผมไปเลยก็ได้ อีกอย่างคือ ถ้าบอกไปแล้วน้อง ''No" ขึ้นมา ผมคงทำใจไม่ได้แน่นอนครับ ตอนนี้ผมไม่พร้อมที่จะบอก ผมกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญในชีวิตอยู่ เพราะจะต้องหาที่เรียนต่อโทครับ
บางทีก็คิดว่าอยากจะบอกตอนจบปี 4 นี่ล่ะครับ.. ถ้าน้อง yes ผมจะถามต่อไปว่า "รอพี่ได้ไหม" และผมจะไม่มองหรือมีใครในช่วงเรียนโทจนจบเอก แต่ถ้าน้อง no ผมก็จะยุติเรื่องของเราไว้แค่นี้ เหลือไว้แค่คำว่า "พี่-น้อง" และผมคงจะไม่มีใครอีกแล้ว เพราะคนๆนี้ จะเป็นคนสุดท้ายจริงๆ ผมจะไม่มีใครอีกแล้ว ชีวิตที่เหลือผมจะมีให้กับงานของผมและครอบครัวของผมเท่านั้น
ผมไม่อยากเป็นเกย์หรอครับ จริงๆนะ แต่มันเลือกไม่ได้จริงๆ ถ้าให้ผมไปแต่งงานและมีครอบครัวกับผู้หญิง ผมคงทำแบบนั้นไม่ได้ครับ.. สงสารผู้หญิงคนนั้นและลูกของผมที่จะเกิดมา ถ้ารู้ว่าพ่อเขาเป็นเกย์ เป็นคุณ คุณรับได้เหรอครับ
แม่ผมเองก็รู้เรื่องหมดแล้ว.. ถึงจะปิดยังไง พ่อกับแม่ก็รู้อยู่ดีแหล่ะครับ เขาเป็นพ่อ-แม่ เราคนที่เลี้ยงเรามาตั้งแต่เกิด แม่ผมบอกแค่ว่า "ยังงี้ไงแกต้องพิสูจน์ตัวเองมากกว่าเดิม อย่าให้ใครมาดูถูกแกได้" บอกตรงๆนะครับ ตอนแรกก็ตกใจตอนแม่โทรมาหาแล้วบอกว่า "รู้หมดแล้วว่าแกน่ะเป็นอะไร" แต่พอผ่านวันนั้นมาแล้วผมโครตมีความสุขเลยนะคุณรู้ไหม ^__^
ถ้าถามว่ากับน้องคนนี้จะเป็นยังไงต่อไปนั้น.. ผมก็ยังไม่รู้ครับ มันเป็นเรื่องของอนาคตที่ผมไม่อยากคาดเดา ตอนนี้ผมคิดอย่างเดียวคือ "ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดแล้วอนาคตมันจะดีเอง"
BioMan @KKU
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น